เพิ่งชักชวนให้มาปลูกต้นไม้กันอยู่หยก ๆ แต่เพียงไม่กี่วันก็มีมรสุมเข้าประเทศไทยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โคราชตกเป็นเป้าหมายสำคัญ เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ตก ๆ หยุด ๆ แบบวันเว้น 2 วัน จนกระทั่งตกทุกวัน ท้องฟ้าจึงมีแต่น้ำ มืดครึ้มแดดหมด ความจริงดิฉันเป็นคนชอบบรรยากาศหน้าฝน ชอบบรรยากาศแบบทึม ๆ เหงา ๆ ชงกาแฟร้อน ๆ แล้วออกไปนั่งตากฝนปรอย ๆ จิบกาแฟให้หน้าโดนฝนเล่น แต่ฝนปีนี้ฝนเม็ดโตตกนานเกินกว่าจะออกมารับบรรยากาศได้ แถมยังสร้างความเสียหายให้กับคนไทยอย่างถ้วนหน้า…มีข่าวว่าฝนตกบนเขาใหญ่ 8 วันติดต่อกัน… วันที่ 13 ตุลาคม 2533 เทศบาลได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อาศัยหรือมีบ้านพักอยู่แถวริมลำตะคอง ได้แก่ บริเวณถนนมิตรภาพ ซอย 4 ซอยสำโรงจันทร์ ชุมชนบุมะค่า วัดท่าตะโก หมู่บ้านวึ.ไอ.พี เกาะลอย และอีกหลายแห่งที่อยู่บริเวณเดียวกันเตรียมตัวและระมัดระวังจะมีน้ำท่วมฉับพลันและน้ำล้นตลิ่ง แต่….ทุกคนกลับเข้าบ้านเฝ้าระวังทรัพย์สิน และคิดว่าถึงจะท่วมก็คงไม่มากกว่า 2 ปีที่แล้ว วันที่ 15 ตุลาคม 2553 กระทรวงพลังงานมามอบหลอดประหยัดไฟให้กับเทศบาล มีอดีตรองนายกรัฐมนตรี สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นประธานในพิธี วันนั้นฝนตกหนักตลอดวัน วันที่ 16 ตุลาคม 2553 แม้ฝนจะตกแต่แม่และลูก(คนโต) พร้อมกับเพื่อน ๆ ลูกก็ยังอุตส่าห์ชักชวนกันฝ่าสายฝนออกมาทานอาหารเย็นนอกบ้านขณะนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. นั่งกันจนเกือบ 20.00 น. ญาติของคนใดคนหนึ่งในโต๊ะโทรศัพท์มาบอกให้รีบกลับบ้านเพราะเขาประกาศว่าน้ำจะมาบริเวณหมู่บ้านวี.ไอ.พี หลังโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ แต่พวกเราก็ยังใจเย็นนนนน….เสียงมือถือดังขึ้นอีก…ปลายสายบอกว่าน้ำมาแล้ว! ดิฉันเห็นท่าไม่ดีเรียกเช็คบิล สั่งทุกคนกลับไปดูบ้าน
บริเวณถนนมิตรภาพบริเวณด้านข้างโรงพยาบาลเซนต์แมรี่
กลางถนนมิตรภาพ
รุ่งขึ้นวันที่ 17 ตุลาคม 2553 น้ำจากน้ำฝนและน้ำที่ล้นจากเขื่อนไหลบ่าเข้าเมืองแบบไม่ทันตั้งตัว เกือบครึ่งหนึ่งภายในเขตเทศบาลเวิ้งเป็นคลอง ดิฉัน(และอีกหลาย ๆ คน) จึงถูกเรียกตัวให้ไปช่วยดูน้ำท่วมที่ถนนมิตรภาพ ซอย 8 ชุมชนคลองโพธิ์ อย่างฉุกละหุกพร้อมให้จัดหาลูกทีมเอาเอง พอได้ทีมก็เข้าไปพบประธานชุมชนเพื่อขอทราบรายละเอียดสภาพพื้นที่ จำนวนครัวเรือน ทำสมุดรับบริจาค สมุดลงชื่อผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนแล้วจัดแบ่งหน้าที่ จุดที่น้ำท่วมสูงที่สุดของชุมชนนี้อยู่บริเวณบ้านริมสวนในระดับเกือบหน้าอก ขณะที่ไปประจำหน้าที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มเป็นโรคน้ำกัดเท้า ขี้ผึ้งยาทาเฉพาะโรคจึงเป็นสิ่งจำเป็น อยู่ได้ 2 วันนายกเทศมนตรีมาตรวจเยี่ยมและเห็นว่าจุดนี้ไม่วิกฤติมากนัก เลยให้ดิฉันไปช่วยศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่หนักกว่าตรงบริเวณทางเข้าโรงพยาบาลมหาราช ลึก ๆ ก็เสียดายที่ต้องจากศูนย์ฯ นี้ไปเพราะชุมชนที่นี่ทำผัดหมี่ ส้มตำอร่อยมาก ดิฉันจึงต้องผันตัวเองไปช่วยที่อื่นและให้น้อง ๆ เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ดูแลศูนย์มิตรภาพ ซอย 8 ต่อไป
บริเวณถนนมิตรภาพ ซอย 8
ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมข้างโรงเรียนสุรนารีวิทยา(ทางเข้าโรงพยาบาลมหาราช) ที่ได้ไปอยู่ใหม่นี้มีรองปลัดเทศบาลเป็นผอ.ศูนย์ฯ ดิฉันอยู่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19-25 ตุลาคม 2553 ร่วมกับแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลมหาราชและโรงพยาบาลจิตเวช รวมทั้งหน่วยงาน อาสาสมัครต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ยานพาหนะมากมาย กว่าจะจัดระบบได้ใช้เวลาเกือบ 2 วัน เนื่องจากไม่เพียงต้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ภายในถนนหมู่บ้านด้านในอย่างเดียวแต่ยังต้องดูแลญาติผู้ป่วยที่ต้องการรับ-เยี่ยมผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลอีกด้วย
บริเวณทางเข้าโรงพยาบาลมหาราชจังหวัดนครราชสีมา
ผู้อำนวยการศูนย์ฯ(ถือเอกสาร)
เจ้าหน้าที่เทศบาลประจำศูนย์ฯ
น้กเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานที่มาช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พยาบาลท่านนี้แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ยังแต่งเครื่องแบบพยาบาลมาช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ตลอด 7 วันที่ได้มาประจำ ณ ศูนย์ฯ แห่งนี้ดิฉันได้เห็นทั้งรอยยิ้ม น้ำตาความทุกข์โศก ความท้อแท้สิ้นหวังหลายคนขวัญเสีย แต่ในความท้อแท้นั้นก็ได้เห็นความช่วยเหลือเอื้อเฟื้อและหัวใจเต็มร้อยของบรรดาอาสาสมัครที่ต่างก็ให้กำลังใจกันและกัน ได้เห็นทั้งปัญหาและการแก้ปัญหา ประการสำคัญน้ำใจจากผู้ใจบุญที่หลั่งไหลมาบริจาคสิ่งของ เครื่องใช้ ถุงยังชีพ ส้วมลอยน้ำ เรือ ตลอดทั้งอาสาสมัครทุกหน่วยที่เสียสละแรงกายทุ่มเทช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ของบริจาคหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
ช่วยกันลำเลียงสิ่งของขึ้นรถ
ขนเสบียงลงเรือเอาไปให้ผู้ที่ติดอยู่ในซอย
อาสาสมัครกู้ภัยนำเรือเข้าไปช่วยชีวิตคุณตาแขก คุณยายวัน ดวนสันเทียะ อายุ 87 และ 83 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในซอยหอ พักนันทอนันต์ สวนหม่อนมา 3 วัน ทั้งคู่เดินไม่ได้และอดอาหาร
เจ้าหน้าที่รีบดูแลป้อนน้ำอาหาร
ญาติมารับไปพักอาศัยในที่ปลอดภัยแล้ว
บริการรับส่ง
รถคันนี้ไม่ได้ให้ขึ้นง่าย ๆ เป็นบริการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เบาะนุ่ม แอร์เย็น รับส่งรอบเมือง
ลำเลียงผู้ป่วยจากโรงพยาบาลส่งต่อและกลับบ้าน
คณะผู้ใหญ่ที่มาตรวจเยี่ยม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายระพี ผ่องบุพกิจ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์
พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา
กลับเข้ามาสำนักงานเทศบาล เห็นรถเทลเลอร์ขนาดใหญ่ของทีวี. 3 ขนของบริจาคจากกรุงเทพมาส่งให้เทศบาลประมาณ 6 ตัน ดีใจที่เห็นข้าวของกองมหึมา พร้อมเรือ 20 กว่าลำซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากในยามนี้ น้ำเอย…น้ำใจ…ของใครให้มา…
นักเรียนโรงเรียนกีฬาเทศบาลมาช่วยกันลำเลียงสิ่งของ
ใครจะคิดว่า “เมืองโคราช” ที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงและเป็นจังหวัดที่มีโอกาสน้ำท่วมน้อยที่สุดที่คนมักพูดถึงว่า ถ้าโคราชน้ำท่วมที่อื่นก็คงท่วมหมดได้เกิดขึ้นจริงในรอบ 50 ปี 32 อำเภอเกือบทั้งจังหวัดถูกน้ำท่วมทั้งหมด จังหวัดที่เป็นประตูเปิดสู่อิสานถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลา 12 วัน 12 คืน จังหวัดที่บ้านในเมืองถูกน้ำท่วมจนเกือบมิดหลังคา โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถเข้าออกได้ แพทย์พยาบาลต้องออกมารักษาผู้ป่วยกันริมถนน โลงศพมาตั้งรออยู่ข้างรั้วหน้าศูนย์ฯ เพื่อรอบรรจุศพผู้ป่วยที่ถูกขนใส่และลากออกมาจากโรงพยาบาลด้วยเรืออย่างทุลักทุเลซึ่งบางวัน(นั่งนับ) มีถึงเกือบ 10 ศพ วันนี้ 28 ตุลาคม 2553 ลมหนาวโชยมาแล้ว…ท้องฟ้าแจ่มใส พื้นที่ส่วนใหญ่แห้งบ้างแล้ว แต่บ้านอื่นกำลังรับน้ำก้อนใหญ่ไปจากเรา ขอส่งกำลังใจไปยังพื้นที่ที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมขอให้อดทนและฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้และใช้โคราชเป็นบทเรียนต่อ ๆ ไป ดิฉันต้องขอขอบคุณน้อง ๆ และทุก ๆ น้ำใจจากงานการเจ้าหน้าที่และกองวิชาการและแผนงานที่ช่วยปฏิบัติหน้าที่ให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อปพร.ทุกหน่วยที่มาช่วยศูนย์ฯ รวมทั้งผู้ประสบภัย ด้วยการบริการอาหาร น้ำดื่ม ผ้าเย็นแบบประหยัดคุ้ม(1 ผืนต่อคนและผืนเดียวให้ใช้ทั้งวัน แถมยังทำให้ผ้าเย็นเย็นได้ตลอดวันอีกด้วย) อย่างชนิดไม่ขาดตกบกพร่อง แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการนะน้อง
เวนิชโคราช
Posted by แม่ปันปราย on ตุลาคม 30, 2010 at 4:21 am
ขอบคุณในน้ำใจแทนชาวบ้านค่ะ
ไม่นึกจริงๆว่า โคราชจะเจอเรื่องแบบนี้
(โชคดีบ้านป้าอยู่โคราชเหมือนกัน แกว่าแถวนั้นไม่ท่วม)
Posted by โป่ง on ตุลาคม 30, 2010 at 1:22 pm
ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว แต่ลำตะคองที่ไหลผ่านในเมืองจากที่เคยไหลแทบจะแห้งขอด มองเห็นดินก้นคลองตอนนี้น้ำเต็มเกือบถึงขอบตลิ่งไหลเชี่ยว…เร็วและแรง
Posted by pikky on พฤศจิกายน 1, 2010 at 3:29 am
คนไทยยังไงก็ช่วยเหลือกันยามลำบากจริงๆ ขนาดพวกนนท์กับพี่น้องที่ทำงานกรุงเทพฯ ช่วงหยุดยาวทุกคนกลับมาโคราชกันหมดเลยช่วยกันเรี่ยไรเงินและจัดชุดช่วยเหลือน้ำท่วมแถมยังทำข้าวไปแจกด้วย นั่งรถกะบะไปแจกไกลถึงโนนสูงร้อนแต่ไม่มีใครบ่นเลยทุกคนดูมีความสุขแถมชาวบ้านดีใจกันใหญ่เลยค่ะ เดี๋ยวจะส่งรูปไปให้น้าโป่งดูด้วย น้ำที่นั่นเยอะมากเลยแรงด้วยค่ะ
Posted by gmeesuk on พฤศจิกายน 1, 2010 at 5:21 am
๐๖.๐๐ น.ของวันอาทิตย์ที่ ๑๗ ตุลา ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น
ใจคนึงถึงคนรักด้วยความสุข
อยากให้เธออยู่ข้างๆนั่งดูน้ำหน้าเรือนรมเยศที่ปริ่มขอบสระปล่อยใจให้สายลมเย็นโลมไล้ผิวกาย
ไม่นานนาทีน้ำเริ่มสูงขึ้นสูงขึ้น แต่ไม่รู้สึกตื่นตระหนกเพราะตัวบ้านยกพื้นสูงกว่าเมตร
ใจห่วงบ้านลูกพี่รีบโทรไปเสนอตัวหากมีอะไรให้ช่วย ปลายสายบอกว่าไม่มีปัญหา
น้ำสูงขึ้นสูงขึ้นไหลไปไหนไม่ได้เพราะถนนที่แปลงสภาพมาเป็นเขื่อนกั้นน้ำ
ความตระหนกเริ่มมาเยือนรถยนต์เอาออกไม่ได้ ทำได้เพียงหาถุงพลาสติกปิดท่อไอเสีย
บั้นไดบ้านขั้นที่สองจมน้ำ
ต่อมาขั้นที่สาม
วิชาคำนวนที่ทิ้งไว้ที่โรงเรียนกลับมาได้ไงก็ไม่รู้
พอน้ำสูงเอ่อล้นถนนก็จะไหลไปอีกฝากหนึ่ง น้ำก็จะไหลผ่านไม่สูงเข้าตัวบ้าน เหลืออีกนิ้วจะถึงขอบประตูรถยนต์
กระแสไฟถูกตัด บ้านน่าจะปลอดภัย
ลูกพี่เรียกระดมพลตั้งศูนย์ช่วยเหลือที่สนง.สุวัจน์ฯ ต้องเดินเท้าผ่านสายน้ำที่เชี่ยวกรากกว่า ๓ ก.ม.
เพื่อไปขึ้นรถที่บายพาส ทิ้งเรือนรมเยศให้เริงร่ากับสายน้ำ
สนง.สุวัจน์แปรสภาพเป็นกองพลาธิการในบัดดล ข้าวกล่อง และน้ำดื่มถูกลำเลียงไปช่วยเหลือ
เสียงกะทะตะหลิวในโรงครัวไพเราะเหมือนวงซิมโฟนี่
น้ำท่วมจากไปแล้ว…
เหลือไว้แต่น้ำใจที่ท่วมท้น
Posted by โป่ง on พฤศจิกายน 1, 2010 at 11:19 am
ยามนี้อารมณ์กวีเสียจริง…เพิ่งรู้ว่าเรือนรมเยศน้ำท่วมจนต้องเดินออกมาถึง 3 กม.
ให้ใจกับลูกพี่ขนาดนี้ก็คงได้ใจจากลูกพี่ไปเต็ม ๆ เห็นว่า เตรียมตัวจะไปเป็นเถ้าแก่ให้แล้ว
Posted by gmeesuk on พฤศจิกายน 3, 2010 at 4:43 am
เรียนเชิญด้วยนะครับ อาจได้เรื่องมาเล่าให้แฟนานุแฟนฟัง
น้ำท่วมโคราชครั้งนี้มีน้ำใจจากอุทัยฯด้วยนะครับ
๑,๐๐๐ บาท สำหรับเพื่อนบ้านพี่จ๊อด
อีก ๑,๐๐๐ บาท สำหรับพี่น้องชาวโคราช ผ่านรายการ”คนโคราช รวมน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม”
น่ารักมั้ย