Posts Tagged ‘หูกระจง’

กะลาก้นครัว

                 เป็นชื่อร้านอาหารที่อยากไปลองชิมที่สุด ทำให้ย้อนนึกไปถึงอดีตเมื่อตอนเด็ก ๆ ที่เราชอบเอากะลามาเล่นขายของแทนถ้วยจาน หรือเจาะรูร้อยเชือกแล้วขึ้นไปเหยียบโดยใช้หัวแม่เท้ากับนิ้วชี้หนีบเชือกไว้ให้แน่นแล้วเดินแข่งกัน ถ้าจิกเกร็งฝ่าเท้าไม่มั่นรับรองหกล้มข้อเท้าพลิกข้อเท้าแพลงกันเป็นแถว และอย่าหวังว่าจะมีใครมาโอ๋ มีแต่แม่ยืนเท้าสะเอวถือไม้เรียวรอหวดก้นอยู่ริบ ๆ… ซนได้เรื่องทีไรถูกตีซ้ำทุกที แล้วรสชาติไม้เรียวเนี่ย ! มันจำขึ้นใจ…ผ่านยุคเมื่อ 40 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันคุณค่าทางใจเหล่านี้มันก็ยังไม่เลือนหาย รึ วัยขนาดเรามันกลางเก่ากลางใหม่จะโบราณก็ไม่ใช่จะสมัยใหม่ก็ไม่เชิง รึ จะเรียกว่ารุ่นร่วมสมัยที่พอจะตามโลกทันบ้างแต่ก็ชอบนั่งคิดนั่งโหยถึงความหลัง…กลับมา กลับมาที่ “กะลาก้นครัว” ร้านนี้มีน้องที่ทำงานแนะนำอีกเหมือนกัน “หนูไปมาแล้วค่ะหัวหน้า อร่อย ! ใช้ได้เป็นอาหารไทยพื้นบ้าน” ฟังแค่ชื่อน่าจะสันนิษฐานได้ว่าแม่ครัวทำอาหารไทยหรืออาหารพื้นบ้านได้อร่อย ก็เพราะคนที่อยู่ก้นครัวไม่มีวันได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันน่ะสิ ! ทำกับข้าวกับปลาจนเกิดความชำนาญ รสชาติคงที่ กลางวันนี้เลยต้องออกจากที่ทำงานก่อนเที่ยงประมาณ 11.30 น.เผื่อเวลาเพราะหนทางไกลพอประมาณ ขับรถเข้าทางถนนมิตรภาพ ซอย 4 ไปออกทางเลี่ยงเมืองเลียบคลองส่งน้ำ(ทางไปโรงเรียนสุรนารี 2) พอไปถึงถนนเลียบคลองส่งน้ำให้ขับรถข้ามถนนก็ถึงร้านพอดี วันนี้รถเก๋งจอดเต็มแสดงว่า ของเขาคงอร่อย รอดูต่อไป

      

เข้าไปในร้านนี้เหมือนเห็นโอเอซิส บริเวณข้าง ๆ เขาเหี้ยนเตียนโล่งร้อนยังกับทะเลทรายแต่ร้านนี้กลับเย็น

                   สิ่งแรกที่รู้สึกดีอย่างหนึ่งเมื่อเข้ามาถึงร้านกะลาก้นครัวคึอ ต้นไม้เยอะ โดยเฉพาะต้นหูกระจง 2 ต้นเด่นที่ปลูกตรงทางเข้า เป็นหูกระจงต้นใหญ่ได้สัดส่วน แผ่กิ่งก้านสวยงาม ด้านข้างแวดล้อมไปด้วยต้นตะขบทั้งต้นใหญ่เล็กกระจัดกระจายอยู่คนละมุมมีลูกตะขบสีแดงและที่กำลังสุกอยู่เต็มต้น มิน่านกกาแถวนี้ถึงบินเฉียดไปมาส่งเสียงทักกันเซ็งแซ่ก็เพราะมีแหล่งอาหารนี่เอง มาร้อน ๆ พอนั่งซักพักก็รู้สึกเย็น สักครู่จึงได้มอบหมายหน้าที่ให้น้องคนหนึ่งเป็นผู้สั่งอาหาร ดูซิว่าจะต้องรสนิยมคนมาด้วยอีก 4 คนหรือไม่ ระหว่างรอก็ใช้เวลาหาข้อมูลปรากฎว่าเจ้าของที่นี่เป็นแม่ครัวเองพร้อมกับคนในเครือญาติแค่ 2 คน ส่วนคนรับorder เด็กเสริฟ คนคิดเงินมีคนเดียวเบ็ดเสร็จ Three in One

                              พี่สาวคนนี้เป็นทั้งคนรับorder เสริฟอาหาร คิดเงิน ส่วนแม่ครัวง่วนอยู่หน้าเตา

                 อย่างที่บอกตอนต้นมื้อนี้สั่งอาหารแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่แล้วแต่ใครจะอยาก แล้วแต่ทีมงาน! เริ่มจากจานแรก ลาบปลาดุกหน้าตาดี…ขอโทษนะคะตักใส่ปากเข้าไปคำนึง อืมมม…ไม่ผิดหวังลาบที่นี่รสชาติผู้ดีต้องบอกอย่างนั้นเพราะกลมกล่อมไม่จัดจ้านจนเกินไป ที่สำคัญเนื้อปลาแห้งไม่แฉะและปริมาณเนื้อปลาดุกเต็มคำหอมกลิ่นข้าวคั่วพริกแห้งประปราย ถ้วยต่อมาเป็นแกงคั่วหอยขม ชามนี้ไม่ได้ทานมานานเป็นปี 2 ปีเห็นหน้าตาก็น้ำลายสอลักษณะเป็นแกงกะทิแต่ไม่ข้นหรือมันจนเกินไป อีกเช่นกันเนื้อหอยเยอะใส่ใบชะอมกับใบชะพลูพอขลุกขลิกรสชาติกลมกล่อม สามารถนั่งซดน้ำแกงได้โดยไม่เลี่ยน ถ้วยต่อมาคือปลาร้าคั่วทรงเครื่องเมนูน้ำพริก เมนูนี้แปลกเพราะไม่เคยกินมาก่อนอย่างดีก็เคยกินปลาร้าบอง ปลาร้าสับ แต่ถ้วยนี้เป็นปลาร้าปลาช่อนแกะเอาแต่เนื้อเพราะไม่มีก้างมาปะปนช่องปากนำไปสับหรือโขลกแล้วผัดกับเครื่องปรุง โรยพริกแห้งทอด แนมกับผักสดต่าง ๆ โดยเฉพาะเข้ากันดีกับขมิ้นขาว รสชาติไม่เค็มมากและกลิ่นปลาร้าไม่แรงจนเกินไปเป็นเครื่องจิ้มกินแล้วสบายท้องดี เมนูต่อมาได้แก่ ปีกไก่ทอด แม้จะเป็นอาหารธรรมดาแต่รสสัมผัสไม่ธรรมดา ปีกไก่นำไปหมักเกลือทอดจนเหลืองกรอบแต่ข้างในเนื้อนุ่มจนร่อนออกจากกระดูก จานนี้แทะจนเพลินเทียบจากกองกระดูกของผู้เขียนดูจะกองโตกว่าใคร อิอิ…  ต่อมาเป็นผัดผักหวานชอบมากอะไรที่เป็นเมนูผักหวานผู้เขียนชอบหมดโดยเฉพาะแกงผักหวานใส่ไข่มดแดง เมนูนี้เป็นผัดผักหวานใส่เห็ดหูหนู ผักหวานเป็นผักที่อร่อยในตัวเองทำยังไงก็อร่อยต้องสั่งให้ได้นะคะ และเมนูสุดท้ายผัดหมี่ใส่ปลาดุกย่าง เคยกินแต่ผัดหมี่ใส่หมู กุ้ง ชิมดูรสชาติก็คล้าย ๆ ผัดหมี่โคราชเปี๊ยบ ยกให้เป็นผัดหมี่เพื่อสุขภาพได้ในระดับหนึ่งในฐานะที่ไม่ใส่หมู เขาผัดมาให้จานเบ้อเริ่ม  

        

                                      ลาบปลาดุก                                                                            แกงคั่วหอยขม

        

                                ปลาร้าคั่วทรงเครื่อง                                                                 ปีกไก่ทอด

        

                               ผัดผักหวานเห็ดหูหนู                                                            ผัดหมี่ปลาดุกย่าง

                   มื้อนี้เต็มคราก…ท่าจะกินเหลือค่ะ ก็เล่นสั่งวินาศสันตะโร! แล้วผัดหมี่จานยักษ์เธอมาเป็นรายการสุดท้าย ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกตัดกำลังด้วยข้าวสวยร้อน ๆ จานแล้วจานเล่าเพราะกับข้าวอร่อย คิดเงินเสร็จสรรพหมดไป 700 กว่าบาท American share ก็ตกคนละ 100 กว่าบาท นี่เป็นอีกร้านหนึ่งสำหรับมื้อกลางวันเพราะเกรงว่าถ้าเป็นมื้อเย็นจะไปไม่ทันอิ่มก็เขาเปิดตั้งแต่เวลา 10.00 น.ปิดไม่เกิน 18.00 น. มีวันหยุดแต่จำไม่ได้แล้วว่าวันอะไร จำได้แต่ว่าหยุด 2 วันใน 1 เดือน ไปสอบถามกันเองนะคะ