ตลุย…ม่านฟ้า Japan (ภาค 1)

        เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 เทศบาลได้จัดทำโครงการพาคณะผู้บริหารและสมาชิกพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ไปดูงานระบบขนส่งมวลชน sky bus ที่ญี่ปุ่นด้วยหวังว่าจะนำประสบการณ์จากประเทศต้นตำหรับด้านรถราง รถไฟทั้งใต้ดิน บนดิน ลอยฟ้า มาเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนแม่บทด้านการจัดการระบบขนส่งมวลชนเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรเมืองโคราชที่นับวันจะแออัดมากขึ้น ดิชั้นมีชื่อในคำสั่งแต่ได้แง้มกับเจ้านายเบา ๆ ไปว่า “ไม่ชอบนั่งเครื่องบินเล้ย!” เจ้านายก็ยังอุตส่าห์การันตี(ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็น)  “การโดยสารเครื่องบินเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด” เอ้อ ค่ะขอบคุณค่ะ(ลูกน้องที่ดีต้องอย่าให้เจ้านายการันตีหลายครั้ง)  อีกไม่กี่วันเขาก็เรียกเก็บเอกสาร ดิชั้นก็ยังเป็นคนเดียวแถมยังเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่ส่งพาสปอร์ต รูปก็ยังไม่ได้ถ่ายใช้รูปเก่าก็ไม่ได้ เพราะวีซ่าเข้าญี่ปุ่นรูปถ่ายใช้ 3 ใบฉากหลังต้องสีขาว ค่ะถูกเพื่อนด่าไปตามระเบียบ เอาละ…จัดการเรื่องส่วนตัวเสร็จถึงวันเดินทางดิฉันก็ได้เหินฟ้าไป Nagoya Japan โดยสายการบินไทย เครื่องขึ้นจากสุวรรณภูมิเวลา 00.05 น.  ระหว่างเครื่องกำลังเหินขึ้นและเหาะอยู่บนอากาศความเครียดเริ่มออกอาการและจะเป็นอยู่อย่างนี้ซักระยะประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตรงกับการเสริฟเครื่องดื่มพอดี น้ำส้มเปรี้ยว ๆ เย็น ๆ จึงพอให้คลายวิตกกังวลลงได้ ม่อยหลับไปแบบหลับ ๆ ตื่น ๆ เครื่องเหาะมาได้เกือบ 4 ชั่วโมง เวลาเกือบตี 4 เสียงช้อนกระทบกันแว่วเข้าหู กรุ๊งกริ๊ง ๆ เป็นสัญญาณว่าได้เวลาอาหารเช้าแล้วครับ อา…กินอาหารเช้าตอนตี 4 อ่ะ ผิดเวลาก็ต้องกินเพราะสถานการณ์แบบนี้นาน ๆ เกิดที

                           หน้าตาอาหารเช้า(นี่ขนาดผิดเวลายังไม่สั่งข้าวต้มเล้ย ล่ออาหารฝรั่งตั้งกะฟ้าไม่ทันสว่าง)

           นอกหน้าต่างแสงอาทิตย์สีส้มอ่อน ๆ ของวันใหม่ เริ่มทาบทับบนเส้นขอบฟ้าที่เรายังสามารถมองเห็นได้อย่างเต็มตา สวยแจ่มจริง ๆ แต่ซักพักรังสีจ้าก็เริ่มสาดแรงขึ้น แรงขึ้น จนจ้องมองไม่ได้แล้ว อยู่บนเครื่องเกือบ 5 ชั่วโมงจัดแจงถอยเข็มนาฬิกาขึ้นไปอีก 2 ชั่วโมงพอเครื่องร่อนถึงพื้นดินต่างแดน เวลาของเขาจึงเป็นเวลาประมาณ ตี 3 แต่สว่างโร่! ว้าว! ออกประตูเครื่องก็ได้สัมผัสถึงอากาศเย็นที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก  โห…หนาววาบ หนาวโคตรด้วยอุณหภูมิ 10-12 องศาแต่แต่งตัวมาสำหรับอุณหภูมิ 20 องศาเลยได้สัมผัสอากาศหนาวหนักแบบเต็มหน่วง  และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาวันแรกที่เรามาถึงปั๊บก็เตรียมแยกออกเป็น 2 กรุ๊บเพื่อดูงานทันที ทีมที่ 1 ไปดู ระบบขนส่งมวลชน ทีมที่ 2 ไปดูกระบวนการผลิตและนวัตกรรมรวมทั้งพิพิธภัณฑ์ของ Toyota ดิฉันต้องแยกไปอยู่ทีม 1 หญิงเดียว

                                   

                                         ระหว่างทางนั่งรถเพื่อจะไปดูงานที่ Nagoya Guideway Bus.Ltd

                         

     

                                                ผ่านเข้ามาในเมืองสิ่งแรกที่ประทับความรู้สึกคือ สะอาด เป็นระเบียบ         

           รถจอดส่งพวกเราลงตรงคล้าย ๆ Time square อะไรซักอย่างหนึ่งแล้วต้องขึ้นรถไฟต่อไปยังสถานีและสำนักงานของบริษัทที่จะไปดูเรื่องของ sky bus ระหว่างรอรถไฟมีอันจะต้องเข้าห้องน้ำเลยต้องร่วมวัฒนธรรมการเข้าคิวกับเขาให้เรียบร้อย สังเกตการเข้าคิวห้องน้ำก็มิใช่เข้าไปยืนโผล่รอหน้าประตูห้องน้ำนะคะ เขายืนรอตรงหน้าทางเข้าห้องน้ำกันเลยทีเดียวระหว่างยืนรอต่อแถวได้พักสายตากับสาวญี่ปุ่นข้างหน้า เธอเป็นเด็กสาวหน้าตาหมวยน่ารัก make up เหมือนไม่ make พินิจแล้วสาวญี่ปุ่นรองพื้นทุกคนแต่เนียนด้วยพื้นฐานผิวที่ดี(ใสสะอาด) และใช้โทนสีอ่อนธรรมชาติ สำคัญที่สุดทุกคนต้องกรีดตา ติดขน ดูสวยเฉียบมากแถมฤดูกาลนี้ยิ่งเพิ่มความสวยจัดด้วยแฟชั่นโค้ทตัวสวยกับบู๊ทหนังเท่ หญิงข้างหน้าผมเธอดำขลับ ทาเล็บแดงยืนเอานิ้วรูดผมเล่น เราก็ดูเพลิน ถึงคิวชิ้งฉ่อง! เพื่อทำตัวให้กลมกลืนแลไม่ให้คนที่ต่อคิวอยู่ข้างหลังสงสัยว่าเป็นกระเหรี่ยง! เลยสวมบททำปะปนเหมือนคนแถวนี้ ใช้ส้วมคล่องเหมือนอยู่นาน พอเข้าไป อ้าว! เป็นส้วมแบบนั่งยอง ไม่มีปัญหา ฮื่อ..แต่กลิ่นเอาการ แล้วประตูก็เป็นตัวล๊อกแบบสลักเกี่ยวหมุนได้ 360 องศาทั้งล่างบน พอเข้าไปก็รีบสลักกลอนแต่คงผิดทางประตูเลยแง้ม(ซึ่งแสดงว่ามันไม่ได้ปิด)  ก้มลงมองโถส้วม มันก็เป็นส้วมนั่งยองเหมือนบ้านเรานี่หว่า แต่เขาวางระดับระนาบเดียวกับพื้นและมีหัวกระโหลกโผล่ขึ้นมาด้านในซึ่งปกติเป็นบ้านเราก็จะต้องหันก้นไปทางนั้น ฉะนั้น ดิชั้นจึงปฏิบัติทันที “หันหน้าออก” ทันใดนั้นจึงได้รู้ตัวทันทีว่าหันผิดทางเพราะ เปียกค่ะ กระจาย…งานนี้คงเป็นเวรกรรมจากชาติก่อนเพราะมัวหันรีหันขวางผิดทิศผิดทางขาเลยขวิด ก็เลยเซมากูเตะโครมครามอยู่ด้านใน ปั้นหน้าทำทีออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่คนญี่ปุ่นคงฉงน! นี่กะว่าถ้าเหล่าเธอ ๆ เข้ามาถามไถ่สุขภาพคงต้องเตรียมก้มหัวคำนับ อาริกะโต ให้อย่างมากมายแต่ไม่มีหรอกค่ะเพราะเห็นสายตาแต่ละคู่ก็เดาออกว่า       “กระเหรี่ยง เอ๊ย!”

                

                                    

          พ้นจากช่วงเวลาหน้าแ….กมาได้ ก็รีบเดินกึ่งวิ่งไปจุดนัดพบปรากฎว่า ทีม 1 รอหญิงแต่เพียงผู้เดียวเพราะหายไปพักใหญ่ เสร็จแล้วได้รับแจกตั๋วขึ้นรถไฟกันอย่างรีบเร่ง ค่ะที่นี่ทุกอย่างรีบหมดและบังเอิญนาโกย่าเป็นเมืองอุตสาหกรรมจึงเป็นย่านคนทำงานเยอะ ทิวทัศน์จึงไม่ค่อยสวย สภาพเเมือง จึงเป็นโรงงานอุตสาหกรรมซะส่วนใหญ่ ถึงบริษัทประมาณ 11.00 น. เข้ารับฟังการบรรยายสรุปจาก Mr.Takayuki Sugihara ประธานบริษัท Nagoya Guideway Bus.Ltd ซึ่งให้การต้อนรับเป็นอย่างดี

 

        

            รูปแบบระบบขนส่งมวลชนของที่นี่เป็นระบบ Guide way Bus เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างบริษัทเอกชนกับเทศบาลหรือท้องถิ่น ควบคุมการทำงานด้วยระบบ Auto pilot ณ ห้องปฏิบัติการควบคุม เราได้ทดลองขึ้นรถดังกล่าวพร้อมกับผู้โดยสารอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้โดยสารผู้สูงอายุทั้งสิ้น จากการสังเกตการการขึ้นลงรับส่งผู้โดยสารมีความปลอดภัยมากเพราะในช่วงตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียวและครั้งนั้นก็มิใช่เกิดจากระบบหรืออุปกรณ์ตัวรถแต่เป็นเพราะพนักงานขับรถเอง ความเร็วของรถจะถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ พนักงานขับรถยนต์จะทำหน้าที่ทั้งคนขับและประชาสัมพันธ์จุดจอดสถานี  การเตือนให้ผู้โดยสารระมัดระวังการขึ้นลง อย่าลืมสัมภาระสิ่งของทิ้งไว้ในรถอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าปัจจุบันบริษัทและท้องถิ่นจะยังขาดทุนอยู่แต่เขาถือว่าเป็นการวางระบบโครงข่ายด้านระบบขนส่งมวลชนเพื่อรองรับอนาคตของเมืองข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ การดูงานของเราล่วงเลยอาหารกลางวันเข้าไปถึงบ่ายโมงเศษ พรรคพวกทีมที่ 2 ดูงานเสร็จก่อนและรอพวกเราอยู่ที่ร้านอาหารแล้ว วันนี้อาหารกลางวันเป็นอาหารญี่ปุ่นเมนูเซ็ทประกอบด้วยซูชิ ปลาย่าง ผักต้มซีอิ๊ว ไข่ตุ๋น ซุปเต้าหู้ คงจะเป็นมังสวิรัติไปอีกหลายวัน แต่ถึงอย่างไรก็อร่อยเพราะเป็นพวกลิ้นจรเข้ฮ่ะ!

                                                                               มื้อกลางงวัน

          หลังอาหารกลางวันคณะของเราได้เดินทางต่อไปยังเมืองทาคายาม่า เพื่อชมเมือง”ลิตเติ้ล โตเกียว” จังหวัดกิฟุ เมืองที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์บ่ายนี้เป็นไปตามสภาพเมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนบวกกับนอนน้อยเกือบ 90 % จึงหลับทั้งคันรถ แต่ดิชั้นก็ยังฝืนชมวิวเลยรู้สึกว่า ยิ่งไกลออกไปอากาศก็มืดสลัวและเย็นลงอย่างรวดเร็ว รถจอดแวะให้ชมวิวถ่ายรูปที่ Hida-Takayama ลงรถบัสก็สะดุ้งกับลมหนาวสะบัดกระทบหน้า รีบถามหาระดับอุณหภูมิกันใหญ่พอบอก 6 องศาก็มิต้องสงสัยเพราะยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ต้องคุยไปกระโดดไป กอดกันไปอย่างที่บอกตอนต้นก็ดิชั้นแต่งตัวมาจากเมืองไทยสำหรับอุณหภูมิ 20 องศาต่ำกว่านั้นหาที่หลบเอาเองจ้ะ มาที่นี่ได้ประสบการณ์กับส้วมอีกแล้วแต่คราวนี้เป็นส้วมอัจฉริยะที่ไม่ใช่ส้วมอย่างเมื่อตอนเช้า ยอมรับเลยค่ะว่าชอบมากขอยกนิ้วให้ชาวญี่ปุ่นที่ช่างคิดค้นสรรหาความสะดวกสบายให้กับก้นมนุษย์ได้เลอเลิศขนาดนี้เพราะหลังจากใช้บริการกันแค่ไม่กี่ครั้งดิชั้นก็ติดใจกับส้วมชนิดนี้จนเป็นนิสัยเสียแล้ว

          ใช้เวลาช่วงเย็นสำหรับการถ่ายรูปกันอย่างหนาว ๆ กันเกือบชั่วโมงบรรยากาศก็เริ่มค่ำลงทุกที เลยสรุปกันว่ารายการเที่ยวชม       “ลิตเติ้ล เกียวโต” เย็นนี้ไม่ทันแน่ ๆ จึงต้องยกยอดไปเช้าวันพรุ่งนี้ เย็นนี้ทานอาหารกันที่โรงแรมที่พัก Associa Takayama Resort แต่ก่อนอาหารเย็นได้เข้าที่พักอาบน้ำพักผ่อนหลายคนคงใช้เวลาลงไป “ออนเซน” คลายเส้นชมวิวภูเขาแสนเย็น มื้อเย็นนี้เรียกว่า “ดังเซกิ” อาหารญี่ปุ่นเมนูเซ็ทแต่เป็นลักษณะคล้ายหม้อไฟ อร่อยอีกแล้ว(หรือเพราะเป็นคนชอบอาหารญี่ปุ่นก็ไม่รู้) ฮื่อ..อิ่มพอดี

 

        มาทริปนี้แลดูสุขภาพดีขึ้นยังไงไม่รู้เพราะกินแต่เต้าหู้ ปลา ซีอิ๊ว ผักดอง ไม่มีสามชั้นให้กวนใจ (ไม่รู้จะโกหกตัวเองไปทำไม) เย้! ได้เข้าห้องพักเสียที คืนแรกนี้ได้ห้องพักเป็นที่ถูกใจมากเพราะลวดลายบนเตียงนอนน่ารักจุ๋มจิ๋มชอบใจตรงที่มีชาเขียวให้เสียบกาต้มน้ำชงดื่มเอง 2 ที่ มีกาแฟให้(แม้จะต้องเสียเงิน) แถมของใช้ในห้องน้ำยังเป็นระดับถ้าอยู่บ้านเราก็ไม่ธรรมดาล่ะวะแต่ที่นี่เป็นของบริการอยู่ในห้องน้ำค่ะอย่าง POLA งี้ SHISEIDO งี้

                                                        

       

 

         

          และส้วมอัจฉริยะที่เพียงแต่ท่านนั่งเมื่อเสร็จภารกิจก็กดปุ่มจะเลือกแบบเบา หนัก แรง ค่อย หยุดแต่น้ำจะอุ่นเสมอ พร้อมเสียงกลบเกลื่อนแต่เคยใช้แล้วอย่ากดดีกว่าเพราะเสียงกลบเกลื่อน(ชักโครก)มันดังน่าอับอายมากกว่าของจริงอีกค่ะ และเมื่อท่านลุกขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจทุกสิ่งอย่างมันก็จะทำหน้าที่ชักโครกของมันเอง อยากมีไว้ใช้ที่บ้านซักตัวจริงจริ๊ง ได้เวลานอนเสียที เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้นะคะยังมีวีรกรรมอีกหลายตอนแล้วพบกันในตอนต่อไปค่ะ

4 responses to this post.

  1. Posted by ปรัดสัน on มกราคม 8, 2012 at 4:42 pm

    อยากลองส้วมบ้าง เห็นว่าที่ Terminal21 อโศก มีแล้ว อาจจะแวะไปลอง ฮี่ๆ

    ตอบกลับ

  2. Posted by เพื่อน on มกราคม 9, 2012 at 4:52 am

    ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย อยากไปๆ

    ตอบกลับ

  3. ค่าตั้วเครื่องเท่าไรครับตอนนี้จะไดเก้บเงินไปกัน

    ตอบกลับ

  4. ก็หลายหมื่นอยู่ คงจะเข้าใจราคาราชการอย่างหนึ่ง ราคาปกติอย่างหนึ่ง 4 คืน 6 วันขึ้นอยู่กับสถานที่ ที่พัก อาหารด้วย

    ตอบกลับ

ส่งความเห็นที่ เพื่อน ยกเลิกการตอบ