น้ำพริกมะม่วงสับ

                 หน้าร้อนปีนี้ร้อนมหาโหดสุด ๆ จนอุณหภูมิทะลุ 40 องศา ถึงฤดูกาลนี้ผลไม้ไทยนานาชนิดต่างก็หลั่งไหลออกสู่ตลาด แต่บางอย่างพอติดดอกเจอแดดเปรี้ยงก็ร่วงโรยแทบไม่ติดลูก อย่างมะม่วงปีนี้ไม่ดกอย่างที่คิด มองไปตามบ้านตามสวนทั่วไปก็มีให้เห็นประปราย ออกไปเดินตลาดแถวบ้านเห็นมะม่วงแก้วลูกป้อม ๆ กลม ๆ แก่จัดกำลังดีกองอยู่ในกระบุงก็ดีใจ เพราะนึกขึ้นได้ว่า ไม่ได้ตำน้ำพริกมะม่วงมานานแล้ว…..เลยคิดอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากที่เคยกินแต่น้ำพริกกะปิแบบเดิม ๆ มาใส่มะม่วงสับรสแซบบ้าง แค่นึกก็น้ำลายสอแล้ว นี่ถ้าทอดปลาทูซักตัวสองตัว ลวกผักซักหน่อย กินกับแกงสัมร้อน ๆ ก็กลายเป็นเมนูน้ำพริกดับร้อน แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ ความจริงน้ำพริกกะปิเป็นพื้นฐานของน้ำพริกมะม่วง มะดัน มะอึก ตะลิงปลิง หรือมะเขือพวง เป็นน้ำพริกที่ปรุงยาก ตำไม่ดีก็เค็มเกินไป บางคนใส่น้ำผสมจนโจ๋งเจ๋ง เวลาเอาผักจิ้มก็หลุดเนื้อหลุดหนัง พาลเสียอารมณ์ทำให้กินน้ำพริกไม่อร่อย

                   น้ำพริกกะปิที่อร่อยขึ้นอยู่กับคุณภาพของ “กะปิ” ต้องเป็นกะปิที่ทำจากกุ้งเคยแท้ ๆ ตัวเล็ก ๆ ผู้เขียนโชคดีที่ยายกับแม่สอนวิธีเลือกซื้อกะปิ ที่สำคัญคือ อย่างก ว่าแพง เวลาซื้อให้แตะชิมดู กะปิที่อร่อยต้องออกเค็ม ๆ หวานนิด ๆ ยายเป็นคนที่ตำน้ำพริกกะปิได้อร่อยที่สุดในโลก น้ำพริกยายจะหอมผิวมะนาว ตอนเด็ก ๆ เวลาตำน้ำพริกเสร็จยายจะเอาข้าวคลุกครก แล้วเอามือขยำปั้นเป็นคำ ๆ  ป้อนพวกเรา(นั่งอ้าปากรอ…) ซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย….เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ ขึ้นชื่อว่าน้ำพริกต้องใส่พริก กระเทียมเยอะ ๆ และกะปิกับน้ำตาลปี๊บต้องใส่ในปริมาณเท่ากัน ข้อสำคัญต้องออก “เปรี้ยวนำ” ฉะนั้นน้ำพริกกะปิของยายจึงเปลืองมะนาวที่สุด แต่ก็อร่อยที่สุด…                               

                  มาเตรียมวัตถุดิบกันดีกว่า เริ่มจาก พริกขี้หนู 1 หยิบมือ กระเทียมกลีบใหญ่ 4-5 กลีบ กะปิ 1 ชต.กุ้งแห้ง 1 หยิบมือ น้ำตาลปี๊บ 1 ชต. มะนาว 3 ลูก มะม่วงแก้วดิบสับ 1 ลูก  ผู้เขียนอยากจะบอกว่า เทคนิคการทำกับข้าวบางครั้งไม่ต้องการปริมาณ หรือชั่ง ตวงวัดชนิดตายตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีทักษะประสบการณ์อยู่แล้ว สำหรับพ่อครัวแม่ครัวมือใหม่กะประมาณได้แต่ให้เริ่มจากน้อย ๆ ก่อนอย่าทำมาก

        

                วิธีทำ ตำกุ้งแห้งให้ละเอียดพักไว้ แล้วโขลกพริกกระเทียมพอแหลกใส่กุ้งแห้งให้เข้ากัน ใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ โขลกพอให้เป็นเนื้อเดียวกัน อย่าละเอียดมากจะไม่อร่อย เสร็จแล้วบีบมะนาวใส่มะม่วงสับโขลกเบา ๆ ให้เข้ากันอีกครั้งก็เป็นอันตำเสร็จ ขอบอกว่า ลองให้คนที่บ้านชิมดูรับรองว่า เมนูนี้จะกลายเป็นน้ำพริกถ้วยโปรด ลืมน้ำพริกถ้วยเก่าไปเลยล่ะ 

                  พูดถึงประโยชน์ของน้ำพริกถ้วยนี้ กะปิให้โซเดียม โปรเตสเซียม และไอโอดีน มีกรดโปรตีน แคลเซียมสูง กระเทียมก็มีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้เซลล์แข็งแรง มีสารแอนตี้เซปติกช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดไขมันในเลือด ส่วนกุ้งแห้งก็มีแคลเซียมสูง นอกจากนี้ยังได้วิตามินและเกลือแร่จากผักจิ้มต่าง ๆ อีกด้วย มื้อนี้ก็เผ็ด ๆ แซบ ๆ ดี ขอให้มีเสน่ห์ปลายจวักกันทุกคนนะคะ…                           

                    

2 responses to this post.

  1. อยากกินจังเลย คิดถึงตอนเด็กเหมือนกันอ่ะ เอาข้าวคลุกน้ำพริกก้นครกเหมียนกันเรย

    ตอบกลับ

ส่งความเห็นที่ peemogi ยกเลิกการตอบ